สายพาน ที่ใช้ในอุตสาหกรรม
สายพานเป็นอุปกรณ์ทำหน้าที่ในการส่งถ่ายกำลังงานโดยจะส่งกำลังจากมู่เล่ย์หนึ่งไปยังมู่เล่ย์อีกตัวหนึ่ง ซึ่งการออกแบบถูกทำมาเพื่อสามารถรับแรงบิดสำหรับเครื่องจักร
ซึ่งสายพานที่เราใช้ในปัจจุบันแบ่งเป็น 4 ประเภทหลักๆ ดังนี้
1. สายพานวี ( V-Belt )
V-belt ลักษณะหน้าตัดสายพานเป็นรูปตัววี เข้ากับร่องของ มู่เล่ย์ ( Pulley) การส่งกำลังเกิดจากการเสียดสีด้านข้างของสายพานที่สัมผัสกับมู่เล่ย์ ทำให้หน้าสัมผัสในการส่งกำลัง เยอะกว่าแบบอื่น เหมาะสมกับเครื่องจักรที่รอบไม่สูงมาก จึงเป็นที่นิยมใช้ในเครื่องจักร ในโรงงานอุตสาหกรรมที่ต้องการแรงขับสูง
2. สายพานไทมิ่ง ( Timing Belt )
สายพานไทม์มิ่ง (Timing belt) ตัวสายพาน จะมีฟันเฟืองตลอดความยาวของสายพาน ลักษณะพื้นที่หน้าตัดเป็นรูปสี่เหลียมคางหมู สายพานชนิดนี้สามารถงอตัวได้ดี จะขบกับ Pulley ที่มีฟันเป็นไทม์มิ่งเหมือนกัน ทำให้เกิดการขบกันเหมือนฟันเฟือง จึงไม่เกิดการลื่นไถลขณะส่งกำลัง สามารถใช้เป็นตัวส่งกำลังงานในเครื่องยนต์, เครื่องจักรในอุตสาหกรรม ต่างๆ หรือในเครื่องจักรที่ต้องการการสูญเสียงในการส่งกำลังน้อยๆ
- สายพานไทม์มิ่งแบบวงปิด closed end
- สายพานแบบปลายเปิด opened end
3. สายพานแบน ( Flat Belt )
สายพานแบน มีหน้าตัดของสายพานเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า เป็นสายพานที่นิยมใช้กันมากในการส่งกำลังจากพูลเลย์ของเพลาขับไปยังพูลเลย์ของเพลาตาม ตัวอย่างการใช้งาน เช่น flat belt conveyor
4. สายพานกลม ( Ropes Belt )
สายพานกลมมีหน้าตัดเป็นรูปวงกลม การส่งกำลังด้วยสายพานกลมจะมีความยืดหยุ่นสูงมาก และสามารถปรับตั้งทิศทางการหมุนได้หลายทิศทาง ตามความต้องการของผู้ใช้ สายพานกลมส่วนมากทำจากพลาสติกโพลียูรีเทน จะต้านทานน้ำ น้ำมัน และจาระบี ขณะการทำงานจะมีเสียงค่อนข้างเบา
ขนาดและความยาวของสายพาน:
- ต้องเลือกขนาดและความยาวที่ตรงตามความต้องการของระบบที่ใช้งาน โดยปกติแล้วจะมีการวัดขนาดของสายพานตามขนาดของร่องหรือความกว้างของสายพาน
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าความยาวของสายพานเหมาะสมกับระยะห่างของล้อหรือ pulleys
วัสดุและความแข็งแรง:
- เลือกวัสดุที่เหมาะสมตามสภาพแวดล้อมการทำงาน เช่น การใช้วัสดุที่ทนต่อความร้อน ความชื้น หรือสารเคมี
- ต้องคำนึงถึงความแข็งแรงในการรับน้ำหนักและแรงดันที่เกิดจากการทำงาน
การติดตั้งและการบำรุงรักษา:
- ตรวจสอบวิธีการติดตั้งและการบำรุงรักษาเพื่อให้สายพานทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งาน
- ต้องเลือกสายพานที่ง่ายต่อการติดตั้งและบำรุงรักษา
ความเร็วและการส่งกำลัง:
- พิจารณาความเร็วของการหมุนรอบของล้อและการส่งกำลังของระบบ เพื่อให้สายพานสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าสายพานสามารถรองรับความเร็วและแรงดันที่เกิดขึ้นได้
สภาพแวดล้อมการทำงาน:
- เลือกสายพานที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูง หรือต่ำ หรือมีสารเคมีที่อาจทำให้สายพานเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
การเลือกใช้สายพานที่ถูกต้องจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดการสึกหรอของเครื่องจักร และลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาในระยะยาว