โรงงานอุตสาหกรรมและเครื่องจักรกลมักจะเต็มไปด้วยการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง การบำรุงรักษาและการหล่อลื่นจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้เครื่องจักรต่าง ๆ สามารถทำงานได้อย่างราบรื่นและมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน หากเราพูดถึงสารหล่อลื่นที่ได้รับความนิยมและมีบทบาทสำคัญในวงการอุตสาหกรรม “จาระบี” สารหล่อลื่นชนิดหนึ่งที่มีคุณสมบัติพิเศษช่วยลดแรงเสียดสีและการสึกหรอของชิ้นส่วนเครื่องจักร ก็คือหนึ่งในคำตอบที่หลายคนกำลังมองหา
จาระบีคืออะไร?
จาระบี (Grease) เป็นสารหล่อลื่นที่มีความหนืดสูงและคงตัว ประกอบด้วยน้ำมันพื้นฐาน (Base Oil) ที่ถูกผสมกับสารเหนี่ยวนำหรือสารขจัดแบบ (Thickening Agent) โดยทั่วไปแล้วจะใช้สบู่โลหะ (Metallic Soap) เป็นตัวขจัดแบบหลัก นอกจากนี้ยังมีการเติมสารเพิ่มประสิทธิภาพพิเศษ (Additives) ต่าง ๆ เพื่อเสริมคุณสมบัติเฉพาะตามการใช้งาน
โครงสร้างของจาระบีมีลักษณะคล้ายกับฟองน้ำที่ดูดซับน้ำมันไว้ ทำให้มีความสามารถในการยึดติดกับพื้นผิวโลหะได้ดีและไม่ไหลออกง่ายเหมือนน้ำมันหล่อลื่นทั่วไป คุณสมบัติเฉพาะนี้ทำให้จาระบีเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานในจุดที่ต้องการสารหล่อลื่นที่มีความคงทนและสามารถทำงานได้ในระยะเวลายาว
ส่วนประกอบหลักของจาระบี
1. น้ำมันหล่อลื่น (Base Oil) เป็นส่วนผสมหลักที่ทำหน้าที่ลดแรงเสียดสีและสึกหรอของชิ้นส่วนเครื่องจักร น้ำมันที่ใช้มักจะเป็นน้ำมันแร่ หรือ น้ำมันสังเคราะห์ที่มีคุณสมบัติทนความร้อนและทนต่อการเสื่อมสภาพได้ดี
2. สารทำให้ข้น (Thickener) ทำให้จาระบีมีลักษณะกึ่งของแข็ง เหนียวข้น สามารถยึดติดกับพื้นผิวได้ดี โดยสารทำให้ข้นที่นิยมใช้คือ สารลิเธียม, แคลเซียม, หรือโซเดียม
3. สารเติมแต่ง (Additives) เพื่อเพิ่มคุณสมบัติพิเศษ เช่น ป้องกันสนิม, ป้องกันการกัดกร่อน, ลดการเสื่อมสภาพเมื่อโดนความร้อน หรือเพิ่มความสามารถในการรับแรงกดสูง
ประโยชน์ของจาระบีในอุตสาหกรรมและเครื่องจักร
- ลดแรงเสียดสีและการสึกหรอ ช่วยเคลือบชิ้นส่วนที่สัมผัสกัน ลดการเสียดสีและความร้อน ช่วยป้องกันการสึกหรอที่อาจทำให้เครื่องจักรเสียหาย
- ป้องกันความชื้นและสิ่งสกปรก จาระบีสามารถป้องกันน้ำและสิ่งสกปรกเข้าไปในชิ้นส่วนเครื่องจักรได้ ลดความเสี่ยงจากสนิมหรือการกัดกร่อน
- ช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องจักร ทำให้เครื่องจักรทำงานได้อย่างต่อเนื่องและลดความถี่ในการซ่อมบำรุง
- ใช้งานได้ในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย ทั้งในอุณหภูมิต่ำหรือสูง และในสถานการณ์ที่ต้องการการหล่อลื่นเฉพาะจุด
- ช่วยลดเสียงรบกวนได้ เมื่อชิ้นส่วนเครื่องจักรเคลื่อนไหวอย่างราบรื่น จะช่วยลดเสียงดังที่เกิดจากการเสียดสีของโลหะ
การเลือกใช้จาระบีที่เหมาะสม
การเลือกจาระบีที่เหมาะสมต้องพิจารณาปัจจัยหลายประการ อันดับแรกคืออุณหภูมิการใช้งาน จาระบีแต่ละชนิดมีช่วงอุณหภูมิการทำงานที่แตกต่างกัน การใช้จาระบีที่ไม่เหมาะสมกับอุณหภูมิการทำงานอาจทำให้เสียประสิทธิภาพหรือเสียหายได้
ความเร็วรอบและแรงดันเป็นปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่ง งานที่มีความเร็วรอบสูงหรือแรงดันสูงต้องการจาระบีที่มีคุณสมบัติพิเศษ เช่น ความเสถียรเชิงกลที่ดีและความทนต่อการเฉือน
สภาพแวดล้อมการใช้งานก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน หากต้องใช้งานในที่ที่มีน้ำหรือความชื้นสูง ควรเลือกจาระบีที่มีความทนต่อน้ำ หากต้องใช้ในสภาพแวดล้อมที่มีสารเคมี ควรเลือกจาระบีที่มีความทนต่อสารเคมีนั้น ๆ
ระยะเวลาการใช้งานระหว่างการบำรุงรักษาก็เป็นสิ่งที่ต้องพิจารณา หากต้องการให้ใช้งานได้นานโดยไม่ต้องเติมบ่อยครั้ง ควรเลือกจาระบีที่มีอายุการใช้งานยาว
จาระบี SKF LGWA 2/18 จาก MAPROMASTERSHOP
SKF LGWA 2/18 เป็นจาระบี เบอร์ 2 ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับแรงกดหนักและใช้งานได้ในช่วงอุณหภูมิที่กว้าง ตั้งแต่ -30°C ถึง 140°C และทนได้สูงถึง 220°C ในเวลาสั้น ๆ จาระบีนี้เหมาะกับงานที่ต้องรับแรงกดสูงและความเร็วต่ำ สามารถปกป้องตลับลูกปืนโดยเฉพาะล้อของตลับลูกปืนได้ดี แม้ในสภาพแวดล้อมที่เปียกชื้นและพื้นที่ท้าทาย เพราะมีคุณสมบัติป้องกันน้ำได้ยอดเยี่ยม จึงช่วยลดการสึกหรอและยืดอายุการใช้งานของชิ้นส่วนเครื่องจักร
จาระบี SKF LGWA 2/18 เหมาะมากสำหรับใช้ในล้อลูกปืนของรถยนต์ รถเทรลเลอร์ และรถบรรทุก นอกจากนี้ยังนำไปใช้ในเครื่องซักผ้า พัดลม และมอเตอร์ไฟฟ้า ช่วยให้เครื่องทำงานได้อย่างราบรื่นและยาวนาน แม้ต้องทำงานในสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวยก็ตาม
การบำรุงรักษาและการใช้งานที่ถูกต้อง
การใช้จาระบีให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดต้องมีการบำรุงรักษาที่เหมาะสม การเก็บรักษาจาระบีควรทำในที่แห้งและเย็น หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับความร้อน ความชื้น และสิ่งปนเปื้อน ควรใช้จาระบีภายในระยะเวลาที่กำหนดและหลีกเลี่ยงการผสมจาระบีคนละชนิดกัน
การทำความสะอาดก่อนการใช้งานเป็นสิ่งสำคัญ ชิ้นส่วนที่จะใช้จาระบีควรทำความสะอาดให้ปราศจากจาระบีเก่า ฝุ่น และสิ่งปนเปื้อนอื่น ๆ การใช้จาระบีในปริมาณที่เหมาะสมก็มีความสำคัญ การใช้มากเกินไปอาจทำให้เกิดการสะสมความร้อนและลดประสิทธิภาพ ขณะที่การใช้น้อยเกินไปอาจไม่ให้การหล่อลื่นที่เพียงพอ