สายพาน Optibelt ผลิตจากเยอรมันโดยบริษัทที่มีอายุเก่าแก่ถึง 131 ปี สายพานร่องวีทุกเส้นถูกผลิตอย่างพิถีพิถันกับการเลือกสรรวัตถุดิบที่เป็นประโยชน์และปรับปรุงให้ทันสมัยอย่างมีแบบแผนและต่อเนื่อง ผลการทดสอบจากห้องทดลองและการควบคุมคุณภาพวัสดุเป็นอย่างดี จะรับรองได้ว่าสายพานมีคุณภาพของการส่งถ่ายกำลังที่เท่ากัน นอกจากนั้นยังมีคุณสมบัติพิเศษอีกหลายประการแล้วแต่ชนิดของสายพาน สายพานแต่ละเส้นมีพิกัดขนาดเท่าเทียมกันมากที่สุด จึงสามารถใช้งานร่วมกันได้หลายเส้นโดยไม่ต้องวัดเทียบขนาด ง่ายต่อการเปลี่ยนทดแทน ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ ได้แก่
- สายพานร่องวีแบบหุ้มด้วยผ้าใบและมูเล่ย์ร่องวี
- สายพานร่องวีแบบมีฟันและมูเล่ย์ร่องวี
- สายพานไทม์มิ่งและมูเล่ย์ไทม์มิ่งและมูเล่ย์ร่องวี
- สายพานโพลียูริเทนไทม์มิ่งและมูเล่ย์ไทม์มิ่งและมูเล่ย์ร่องวี
- สายพานริบบ์เบลท์และมูเล่ย์และมูเล่ย์ร่องวีอ สายพานแบบคราฟท์แบนด์และมูเล่ย์ไทม์มิ่งและมูเล่ย์ร่องวี
- สายพานแบบรถยนต์และมูเล่ย์ร่องวี
แนวทางปฏิบัติการขับด้วยสายพาน
การส่งถ่ายกำลังงาน
- การขับด้วยความฝืดด้านข้างของสายพาน V-belts / Ribbed Belts
- การขับด้วยการขบของตำแหน่งฟันของสายพาน Timing belts
คุณสมบัติพิเศษ
- การต้านทานน้ำมัน การต้านทานน้ำมันของสายพานอ๊อฟติเบลท์นั้น ครอบคลุมไปถึงสิ่งที่เปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำแร่, จารบี, ไขมันจากสัตว์หรือน้ำมันพืช หรือน้ำยาหล่อเย็น ซึ่งจะทำให้สายพานมีอายุการใช้งานที่สั้นลง ดังนั้นในกรณีที่ต้องการความต้านทานน้ำมันเป็นพิเศษเราจะแนะนำสายพานที่มีโครงสร้างพิเศษเราจะแนะนำสายพานที่มีโครงสร้างพิเศษสำหรับเฉพาะงาน
- การต้านทานความร้อน ตามโครงสร้างมาตรฐานของสายพานอ๊อฟติเบลท์ จะทำงานในอุณหภูมิรอบบริเวณทำงานที่ 70°C /-40°F ในบริเวณที่มีการทำงานสูงกว่าอุณหภูมิที่กำหนดไว้นั้นจะทำให้ สายพานมีอายุการใช้งานที่สั้นกว่าปกติและเป็นเหตุให้สายพานเกิดการเสียหายได้ กรณีดังกล่าวเราจึงแนะนำ สายพานที่มีโครงสร้างพิเศษรุ่น XHR หรือรุ่น Super X-POWER
- การต้านทานความเย็น ตามโครงสร้างมาตรฐานของสายพานอ๊อฟติเบลท์ จะทำงานในอุณหภูมิรอบบริเวณทำงานที่-40°C /-40°F และสำหรับสายพานร่องลึกห่อหุ้มด้วยผ้าใบ -30°C /-22°F สำหรับสายพานร่องลึกแบบไม่หุ้มด้วยผ้าใบภายใต้สภาวะที่ต้องให้ความระมัดระวังเป็นพิเศษสำหรังการปฏิบัติการทดลอง
- การต้านทานไฟฟ้าสถิต เนื่องจากการทำตามข้อกำหนดของผลิตภัณฑ์ที่ต้องการความปลอดภัยพิเศษในการต้านทานไฟฟ้าสถิตสายพานวีเบลท์ทุกเส้นจะต้องถูกนำมา ทดสอบตามมาตรฐาน ISO 1813 และออกใบรับรองการทดสอบพร้อมค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ 20 % สายพานวีเบลท์ต้านทานไฟฟ้าสถิตจะระบุเฉพาะแตกต่างจากสานพานทั่วไปและถูกต้องตรงกับเอกสารใบรับรองการทดสอบการต้านทานไฟฟ้าสถิต
- ความยาวสายพานที่อยู่ระหว่างความยาวมาตรฐาน Optibelt สามารถผลิตสายพานร่องวีที่ห่อหุ้มผ้าใบที่ความยาวมากกว่า 1800 mm. ซึ่งเราจะต้องศึกษาความเป็นไปได้ถึงความต้องการของลูกค้าและจำนวนต่ำสุดที่ผลิตได้แต่ละความยาว เราจะสำรองบางเบอร์ที่ใช้อย่างสม่ำเสมอเพื่อการจัดจำหน่าย หากต้องการค่าความเผื่อพิเศษต้องจ่ายเพิ่มเติมครั้งต่อครั้งและต้องเป็นวัสดุมาตรฐาน
การขับด้วยสายพานหลายเส้นของ Opitibelt
ความต้องการในการใช้สายพานที่เป็นชุดเดียวกันในการขับเคลื่อนนั้น โดยทั่วไปจึงต้องเอาสายพานมาวัดความยาวให้ได้เท่ากันก่อนจึงจะทำการติดตั้งได้ สำหรับสายพานของอ๊อฟติเบลท์นั้น Optibelt S=C และ Super X-POWER M=S
- Optibelt S=C ด้วยกระบวนการผลิตที่ทำให้สายพานทุกเส้นมีความยาวเท่ากัน หรือที่เรียกว่า ORV ซึ่งให้ความร้อนที่ลูกกลิ้ง และสายพานจะถูกตั้งให้ตึงแล้วหมุนจัดให้สายพานถูกกดในร่องมู่เล่ย์ที่มีความร้อนเพื่อให้สายพานที่เป็นชั้นยางให้ละลายเป็นเนื้อเดียวกัน ให้ค่าความเผื่อที่ทำได้ +, – 2 mm. สำหรับ V-Belts เก็บสต็อกโดยไม่ต้องสั่งพิเศษให้ยาวเท่ากันเป็นชุด ประหยัดพลังงานเพราะฉุดกำลังได้เต็มที่กรณีใช้หลายเส้นบนมู่เล่ย์เดียวกันเนื่องจากความยาวเท่ากัน ความยาวที่พิมพ์ไว้บนสายพานไม่ยาวกว่ามาตรฐานที่กำหนด การยึดตัวของสายพานต่ำ ลดความสั่นสะเทือนขณะหมุน ช่วยยืดระยะเวลาการซ่อมบำรุงได้
- Super X-POWER M=S ด้วยการบวนการผลิตเนื้อยางหลักผสมกับเส้นใยผ้าใบผ่านการหล่อขึ้นรูปด้วยเครื่องสร้างสายพาน (Drum building machine) และให้ความร้อนด้วยการอบภายใต้อุณหภูมิและความดันที่ควบคุมโดย Optibelt ทำให้สายพาน Optibelt V-Belts Super x-power M=S มีความแข็งแรงกว่ารุ่นเดิมคือ TM M=S สามารถลดจำนวนสายพานที่ใช้ปกติ 6 เส้น ให้เหลือ 5 เส้นได้ ประหยัดกว่าแข็งแรงกว่า
Optibelt S=C และ Super X-POWER M=S จึงเป็นสายพานที่ไม่จำเป็นต้องวัดความยาวให้เท่ากันก่อนติดตั้งเป็นชุด
สัญลักษณ์คำย่อของ Optibelt
Li = ความยาวเส้นรอบวงใน
La = ความยาวเส้นรอบวงนอก
Lw/Lp = ความยาวพิชน์ (pitch)
Ld = ความยาวดาตั่ม (datum)
ความยาวดาตั่ม Ld = ความยาวพิชน์ (pitch)
อุปกรณ์เสริมทางเทคนิค
ไม้วัดความยาวของสายพาน(Measuring Gauge) ช่วงวัดความยาว
เส้นรอบวงใน(Li)ได้ 500-2500 mm
เกจวัดค่าความตึงสายพาน (Tension Gauges)
- ช่วงระยะการวัด Measuring range :Optikrik 0 70-150 นิวตัน N
- ช่วงระยะการวัด Measuring range :Optikrik 1 150-600 นิวตัน N
- ช่วงระยะการวัด Measuring range :Optikrik 2 500-1400 นิวตัน N
- ช่วงระยะการวัด Measuring range :Optikrik 3 1300-3100 นิวตัน N
เครื่องวัดค่าความถี่คลื่น 10-600 Hz (Opitibelt TT mini)
เครื่องวัดค่าความถี่คลื่น 10-600 Hz (Opitibelt TT 3)
เครื่องมือวัดการเยื้องแนวสายพาน (Optibelt Laser Pointer)
การตรวจเช็คระบบกำลังงานด้วยสายพาน **สั่งซื้อสินค้า
Optibelt Laser Pointer
การพลิกตัวของสายพานหรือการหลุดออกจากมู่เล่ย์ส่วนใหญ่เกิดจากการเยื้องแนวของสายพาน มู่เล่ย์ส่วนใหญ่เกิดจากการเยื้องแนวของสายพาน การเยื้องแนวมี 3 ลักษณะคือ การเยื้องแนวในแนวขนาน การเยื้องแนวในแนวราบ และการเยื้องแนวแบบหักเหในแนวตั้ง ปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้เกิดจากสาเหตุหลักคคือ
1. การเกิดเยื้องแนวของสายพาน
2. การตั้งค่าความตึงไม่ถูกต้องและไม่สัมพันธ์กับ Load ที่ใช้
3. ร่องของมู่เล่ย์เกิดการสึกหรอ สามสาเหตุหลักนี้สามารถตรวจสอบได้โดยใช้เครื่องมือที่ถูกต้องกับลักษณะของงาน
.
.
การตรวจวัดค่าแรงดึงของสายพานด้วย Optikrik
การใช้เครื่องมือ Optikrik ตรวจสอบค่าความตึงทำให้แก้ปัญหาสายพานลื่นไหล (slip) ได้ เนื่องจากการลื่นไหลเกิดจากสายพานที่มีความตึงไม่สัมพันธ์กับ load กับการใช้งาน ซึ่งค่าความตึงของสายพานแต่ละขนาดไม่เหมือนกัน ดังนั้น Optikrik จึงมีให้เลือกใช้ได้ถึง 4 ชนิด ดังนี้
Optikrik 0 ช่วงการวัด: 70 – 150 N
Optikrik I ช่วงการวัด: 150 – 600 N
Optikrik II ช่วงการวัด : 500 – 1,400 N
Optikrik III ช่วงการวัด: 1,300 – 3,100 N
.
V – Belt Pulley Gauge
การพลิกและการเต้นของสายพานไม่ได้อยู่กับการเยื้องแนวเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับร่องของมู่เล่ย์ด้วย ถ้าร่องของมู่เล่ย์สึกหรอหรือจมลึกไม่เท่ากัน ก็ทำให้สายพานเกิดการเต้น และตึงหย่อนไม่เท่ากัน ทั้งนี้ ควรตรวจสอบด้วย V – Belt Pulley Gauge เพราะมุมของมู่เล่ย์ไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของมู่เล่ย์ โดยทั่วไปมุมของร่องมู่เล่ย์จะอยู่ที่ 32 องศา, 34 องศา, 36 องศา, 38 องศา สำหรับสายพานระบบ BS3790 และ DIN2217 และมุม 36 องศา, 38 องศา, 40 องศา, 42 องศา สำหรับระบบ USA Standard RMA/MPTA